1. ?ปัญหาทุกอย่างไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ มีทางแก้ไขได้ถ้ารู้จักคิดให้ดี ปฏิบัติให้ถูกการคิดได้ดีนั้น มิใช่การคิดได้ด้วยลูกคิด หรือด้วยสมองกลเพราะโลกเราในปัจจุบันจะวัฒนาการไปมากเพียงใดก็ตามก็ยังไมมีเครื่องมืออันวิเศษชนิดใดสามารถขบคิดแก้ไขปัญหาต่างๆได้อย่างสมบูรณ์การขบคิดวินิจฉัยปัญหา จึงต้องใช้สติปัญญา คือคิดด้วยสติรู้ตัวอยู่เสมอเพื่อหยุดยั้งและป้องกันความประมาทผิดพลาดและอคติต่างๆ มิให้เกิดขึ้นช่วยให้การใช้ปัญญาพิจารณาปัญหาต่าง ๆ เป็นไปอย่างเที่ยงตรง ทำให้เห็นเหตุเห็นผลที่เกี่ยวเนื่องกันเป็นกระบวนการได้กระจ่างชัด ทุกขั้นตอน? พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ๑ สิงหาคม ๒๕๓๙1) ทุกปัญหามีทางแก้ไข 2) การทำงานด้วยสติรู้ตัวอยู่เสมอ 3) แก้ปัญหาด้วยปัญญา 4) ไม่มีเครื่องมือใดดีกว่าการใช้ปัญญา
|
2. ?ในการดำเนินชีวิตของเรา เราต้องข่มใจไม่กระทำสิ่งใดๆ ที่เรารู้สึกด้วยใจจริงว่าชั่วว่าเสื่อม เราต้องฝืนต้องต้านความคิดและความประพฤติทุกอย่างที่รู้สึกว่าขัดกับธรรมะ เราต้องกล้าและบากบั่นที่จะกระทำสิ่งที่เราทราบว่าเป็นความดี เป็นความถูกต้อง และเป็นธรรม ถ้าเราร่วมกันทำเช่นนี้ ให้ได้จริงๆ ให้ผลของความดีบังเกิดมากขึ้นๆ ก็จะช่วยค้ำจุนส่วนรวมไว้มิให้เสื่อมลงไป และจะช่วยให้ฟื้นคืนดีขึ้นได้เป็นลำดับ? พระราชดำรัสพระราชทานเพื่อเชิญไปอ่าน ในพิธีเปิดการประชุมยุวพุทธิกสมาคมทั่วประเทศครั้งที่ ๑๒ ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๑๓1) การเอาชนะใจตนเองเป็นสิ่งยาก 2) การใช้ธรรมะเพื่อค้ำจุนส่วนรวม 3) การใช้ธรรมะในการดำเนินชีวิต 4) การเอาชนะใจตนเอง
|
3. ?ต่างคนต่างมีหน้าที่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ทำเฉพาะหน้าที่นั้น...เพราะว่า...ถ้าคนใดทำหน้าที่เฉพาะของตัวโดยไม่มองไม่แลคนอื่น งานก็ดำเนินไปไม่ได้เพราะเหตุว่า...งานทุกงานจะต้องพาดพิงกัน จะต้องเกี่ยวโยงกันฉะนั้น...แต่ละคนจะต้องมีความรู้ถึงงานของผู้อื่นแล้วช่วยกันทำ? พระราชดำรัส พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนพรรษา ๔ ธันวาคม ๒๕๓๓1) ทุกคนต่างมีหน้าที่ของตน 2) งานของคนหลายคนมักเกี่ยวโยงกัน 3) แม้งานตนเสร็จควรช่วยงานผู้อื่น 4) การทำงานต้องใช้คนหมู่มาก
|
4. ?คนเราจะเอาแต่ได้ไม่ได้ คนเราจะต้องรับและจะต้องให้ หมายความว่าต่อไป และเดี๋ยวนี้ด้วยเมื่อรับสิ่งของใดมาก็จะต้องพยายามให้ ในการให้นั้น ให้ได้โดยพยายามที่จะสร้างความสามัคคีให้หมู่คณะและในชาติ ทำให้หมู่คณะและชาติประชาชนทั้งหลายมีความไว้ใจซึ่งกันและกันได้ ช่วยที่ไหนได้ก็ช่วย ด้วยจิตใจที่เผื่อแผ่โดยแท้? พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๒๑1) คนเราจะต้องรับและจะต้องให้ 2) การทำให้หมู่คณะมีความไว้ใจซึ่งกันและกัน 3) การสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ 4) การให้ควรให้ด้วยจิตใจที่เผื่อแผ่
|
5. ?ประการแรก คือ ความซื่อสัตย์ ประการที่สอง คือ การรู้จักข่มใจฝึกใจตนเองให้ประพฤติปฏิบัติอยู่ในความสัตย์ความดีนั้น ประการที่สาม คือ การอดทน อดกลั้น และอดออม ที่จะไม่ประพฤติล่วงความสัตย์สุจริต ประการที่สี่ คือ การรู้จักละวางความชั่ว ความทุจริตและรู้จักสละประโยชน์ส่วนน้อยของตน เพื่อประโยชน์ส่วนรวมคุณธรรมสี่ประการนี้ถ้าแต่ละคนพยายามปลูกฝังและบำรุงให้เจริญงอกงามจะช่วยให้ประเทศชาติบังเกิดความสุข ความร่มเย็นและมีโอกาสที่จะปรับปรุงพัฒนาให้มั่นคงก้าวหน้าต่อไป? พระบรมราโชวาท ในพิธีบวงสรวง สมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า ๕ เมษายน ๒๕๓๕1) การปฏิบัติตนให้เป็นคนดี 2) คุณธรรมของคน 3) แนวทางเพื่อประเทศชาติสงบสุข 4) การเสียสละเพื่อส่วนรวม
|
ต้องการเฉลยข้อสอบ โปรดเข้าระบบสมาชิก
|
|